วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2558

มารยาท ระเบียบ และข้อบังคับในการใช้อินเทอร์เน็ต

 มารยาท ระเบียบ และข้อบังคับในการใช้อินเทอร์เน็ต

               บัญญัติ 10 ประการ ของการใช้อินเทอร์เน็ต
    จากปัญหาการล่อลวงที่เกิดจากการเล่นอินเทอร์เน็ตที่นับวันยิ่งมีมากขึ้น ทำให้หน่วยงานที่รับผิดชอบได้พยายามหามาตรการป้องกันปัญหาและภัยจากการใช้อินเทอร์เน็ต ซึ่งเกิดจากคนที่ขาดจิตสำนึกที่ดีของสังคม ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะสร้างจิตสำนึกที่ดีต่อตนเองและสังคมเพื่อหลีกเลี่ยงและรับมือจากความเสี่ยงจากภัยออนไลน์ ทั้งนี้รองศาสตราจารย์ยืน ภู่วรวรรณ ได้กล่าวถึง บัญญัติ 10 ประการซึ่งเป็นจรรยาบรรณที่ผู้ใช้ควรยึดถือไว้เป็นแม่บทของการปฏิบัติ ดังนี้

1.  ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์ทำร้าย หรือละเมิดผู้อื่น
2.  ต้องไม่รบกวนการทำงานของผู้อื่น
3.  ต้องไม่สอดแนม แก้ไข หรือเปิดดูแฟ้มข้อมูลของผู้อื่น
4.  ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการโจรกรรมข้อมูลข่าวสาร
5.  ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์สร้างหลักฐานที่เป็นเท็จ
6.  ต้องไม่คัดลอกโปรแกรมของผู้อื่นที่มีลิขสิทธิ์
7.  ต้องไม่ละเมิดการใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์โดยที่ตนเองไม่มีสิทธิ์
8.  ต้องไม่นำเอาผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตน
9.  ต้องคำนึงถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับสังคมที่เกิดจากการกระทำของท่าน
10.ต้องใช้คอมพิวเตอร์โดยเคารพกฎระเบียบ กติกา และมีมารยาท

สู้เพื่อแม่

                                                                            สู้เพื่อแม่
 เรียงความเรื่อง "แม่" โดย เด็กหญิงสุจิตรา เจริญนอก ชั้น ป.5 โรงเรียนบ้านทองหลาง

             "แม่เป็นผู้ให้กำเนิดเรามา แม่ต้องอุ้มท้องตั้งเก้าเดือน กว่าจะคลอดเราออกมาเป็นคน แม่แสนเจ็บปวดและทรมาน ลูกลืมตาครั้งแรกก็รู้สึกอบอุ่น เพราะอยู่ในอ้อมอกของแม่  กว่าลูกจะเติบโตแม่แสนเหนื่อยล้า คอยเฝ้าดูลูกยามลูกหิวข้าว หรือนมแม่ก็คอยเฝ้าดูแล ห่วงใยตลอดเวลา

              ….ถึงแม้ว่าแม่จะอยู่แห่งหนตำบลใด หรือทำอะไรอยู่ที่ไหน หนูก็รักแม่ไม่เปลี่ยนแปลง   …ถึงแม้ว่าหนูไม่ได้เกิดมาเป็นผู้ชาย จะไม่ได้บวชทดแทนพระคุณแม่ หนูก็จะทำสิ่งที่ดีสำหรับแม่เหมือนกัน  ยามแม่เจ็บป่วยหนูก็อยากพาแม่ไปหาหมอ วันแม่ปีนี้หนูอยากกอดแม่ อยากบอกว่ารักแม่ค่ะ..! "

                                                                                                      จาก น้องมิวค่ะ

เรียงความวันแม่แห่งชาติ ตัวอย่างการเขียนเรียงความวันแม่

  เรียงความเรื่องแม่ 

             เรียงความวันแม่ โดย เด็กหญิงพิราพร เจริญยศ โรงเรียนขุนทะเลวิทยาคม ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 รางวัลชนะเลิศการประกวดเขียนเรียงความวันแม่ เนื่องในงานเบิกฟ้า อบต.ขุนทะเล พบประชาชน ครั้งที่ 8 ประจําปี 2555 จัดโดยองค์การบริหารส่วนตําบลขุนทะเล

             "...แม่ แม่ แม่ คํานี้มีความหมาย มีพระคุณมากมายหลายสถาน
             แม่เป็นได้หลายสิ่งหลายประการ เป็นธนาคาร เป็นพระพรหม เป็นร่มไทร
             เป็นผู้ให้กำเนิดเกิดลูกรัก เป็นผู้ให้ที่พักพิงอาศัย
             เป็นผู้ให้การุณอุ่นกายใจ  เป็นผู้ให้อะไร ๆ ไม่รามือ"

             กลอนบทนี้คือเสี้ยวหนึ่งของพระคุณ ซึ่งมีอีกมากที่พรรณนายังไงไม่มีอันหมด และไม่มีวันทดแทนได้หมด
             แม่คือบุคคลที่รักเรามากที่สุดตั้งแต่ยังไม่รู้จักเรา เพราะแม่คอยถนอมดั่งไข่ในหิน และพอเราโตมา แม่สอนให้เรารู้จักอะไรมากมาย และแม่ชอบพูดอยู่เสมอว่า "แม่ทําได้ทุกอย่างเพื่อลูก" ซึ่งฉันก็เชื่อ และต่อมาแม่ฉันล้มป่วย ฉันได้ยินเสียงแม่ร้องครวญครางเพราะความเจ็บปวด ฉันจึงถามแม่ว่า "แม่เจ็บมากไหม ให้ลูกช่วยอะไรไหม" 

             แม่บอกว่า "ไม่เป็นไรลูกนอนต่อเถอะ" ทั้ง ๆ ที่แม่เจ็บจนแทบทนไม่ไหว และเมื่อถึงวันเกิดฉัน หลาย ๆ คนมีความสุขกับวันเกิด แต่ฉันกลับหัวใจสลายเมื่อได้ยินคําว่า "แม่เสียชีวิตแล้ว" ฉันร้องไห้ไม่ออกเพราะตกใจ ทําอะไรไม่ถูก เพราะอยู่กับแม่มาโดยตลอด ไม่เคยห่างกันไปไกล แต่แล้วมาวันนี้ คนที่ฉันให้ความเคารพและรักเท่าชีวิตฉันกลับหายไปจากชีวิตฉัน แต่ฉันรักแม่ยังไงก็ไม่เท่าแม่รักฉัน เพราะแม่รอคอยวันเกิดฉันมาโดยตลอด รอที่จะมอบของขวัญให้ฉัน ซึ่งมันไม่ใช่ของขวัญที่แปลกหรือพิเศษอย่างไร แต่มันเป็นเงินจํานวน 500 บาทที่แม่กําไว้ในมือจนนาทีสุดท้ายของชีวิต 

             ตั้งแต่วันนั้นมา ฉันเข้าใจถึงคําพูดที่แม่เคยพูดว่า "เมื่อไม่มีแม่แล้วลูกจะได้รู้อะไรอีกมาก" ซึ่งบัดนี้ฉันได้รู้แล้วว่า มันเหงา ว้าเหว่ เพราะตั้งแต่แม่จากไปหัวใจไม่เคยลืมคําสอนที่แม่เตือนมันยังอยู่ในใจ แต่มาวันนี้แม่กลับไม่ได้เห็นลูกเติบโตสมดั่งที่แม่ปรารถนา แต่ไม่ว่ายังไงลูกก็จะทําตามที่แม่สอนทุกอย่าง เพื่อให้แม่รับรู้ว่าลูกรักแม่มากและไม่เคยลืมแม่เลย

             ลูกซื้อมาลัยวันนี้ไม่มีใครให้กราบก็รู้ เพราะแม่อยู่บนฟ้าไกล แต่ยังไงลูกก็จะขอกราบแม่ทุกปีทุกชาติ และไม่ว่ากี่ปีกี่ชาติก็ขอให้ลูกเกิดมาเป็นลูกแม่เหมือนเดิม เพราะแม่คือแม่ที่เก่งกาจ กล้าหาญที่สุด และรักลูกดั่งดวงใจ และไม่ว่ากี่ปี ลูกก็จะขอปรนนิบัติแม่ต่อไปเท่าที่ลูกคนนี้จะทําได้ ลูกรักแม่ไม่เคยเปลี่ยน และไม่เคยลืม สุดท้ายนี้ ลูกไม่เคยน้อยเนื้อต่ำใจที่ลูกไม่มีแม่กอด เพราะแม่อยู่ในใจตลอดเวลา และลูกขอเก็บแม่ไว้ในใจตลอด ทุกความรู้สึก ทุกความทรงจํา
ที่มาhttp://education.kapook.com//view65179.html

วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เศรษฐกิจพอเพียง

โครงการ "ครึ่งไร่คลายจน" ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง - Springnews


ที่มาhttps://www.youtube.com/watch?v=gy5Qahx6IgI

เศรษฐกิจพอเพียง

การเลี้ยงปลาแบบผสมผสาน

งานวัจัยการเลี้ยงปลาแบบผสมผสานและเลี้ยงป­ลาบนพื้นที่สูงรอบเขื่อนภูมิพล โดยการส่งเสริมการทำอาหารเลี้ยงปลาเอง ของ ม.แม่โจ้ เชียงใหม่
คณะเทคโนโลยีการประมงและทรัพยากรทางน้ำ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ซึ่งนำโดย รองศาสตราจารย์ด๊อกเต้อร์ นิวุฒิ หวังชัย และคณะทำงาน จึงได้ทำวิจัย โดยพัฒนาเทคนิคการเลี้ยงปลาแบบผสมผสาน และเทคนิคการเลี้ยงปลาบนพื้นที่สูง ทั้งยัง วิจัยงานด้านการผลิตอาหารปลา จากกากเหลือจากบ่อแก๊สชีวภาพ ที่ได้จากมูลสัตว์ กากถั่วเหลือง ข้าวที่กินเหลือ ฯลฯ จนได้ผลลัพธ์ที่ดี ต่อชาวบ้านที่จะนำเอา แผนวิธีการเลี้ยงปลา ที่ผ่านการวิจัยนี้ไปใช้ให้เกิดผล ในครัวเรือน และบนพื้นที่สูงได้ต่อไป

ที่มาhttps://www.youtube.com/watch?v=r98CcbbtjcQ

วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เศรษฐกิจพอเพียง


เศรษฐกิจพอเพียง หลายคนได้ยินอยู่บ่อยๆ แต่แท้จริงแล้ว "เศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง อะไร ?" เรามาทำความเข้าใจกันให้ถูกต้องชัดเจนกันดีกว่า

เศรษกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดำรัสชี้แนะแนวทางเพื่อการดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทย โดยได้ชี้แนะพสกนิกรเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมายาวนานกว่า 30 ปี โดยเฉพาะในการที่เกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 พระองค์ก็ทรงยิ่งเน้นย้ำแนวทางนี้ เพื่อให้พสกนิกรสามารถที่จะแก้ไขปัญหา และอยู่ได้อย่างมั่นคงยั่งยืนภายใต้ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่นักศึกษาของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในวันที่ 19 กรกฎาคม 2517 เอาไว้ว่า :- 

" ในการพัฒนาประเทศนั้นจำเป็นต้องทำตามลำดับขั้น เริ่มด้วยการสร้างพื้นฐาน คือ ความมีกินมีใช้ของประชาชนก่อน ด้วยวิธีการที่ประหยัดระมัดระวัง แต่ถูกต้องตามหลักวิชา เมื่อพื้นฐานเกิดขึ้นมั่นคงพอควรแล้ว จึงค่อยสร้างเสริมความเจริญให้ค่อยเป็นไปตามลำดับ "

นอกจากพระราชดำรัสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้ไว้แก่นักศึกษามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แล้ว พระองค์ยังทรงได้ให้พระราชดำรัสเอาไว้ในวารสารชัพพัฒนาอีกว่า :- 

" เศรษฐกิจพอเพียงเป็นเสมือนรากฐานของชีวิต และรากฐานความมั่นคงของแผ่นดิน เปรียบเสมือนเสาเข็มที่ถูกตอกรองรับบ้านเรือนอาคารเอาไว้นั้นเอง และสิ่งก่อสร้างจะมั่นคงอยู่ได้ก็ขึ้นอยู่ที่เสาเข็ม "

และในช่วงที่เกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจตอนปีพุทธศักราช 2540 พระองค์ก็ได้ทรงเน้นย้ำเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงในพระราชดำรัสของพระองค์อีกว่า :- 

" การเป็นเสือนั้นมันไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่เราพออยู่พอกิน แบบพอมีพอกิน หมายความว่า พอเพียงกับตัวเอง "

หลักเศรษฐกิจพอเพียง นั้นเป็นทางสายกลาง กล่าวคือ เป็นเศรษฐกิจแบบพอประมาณ ไม่ใช่อดอยากขาดแคลน ใช้จ่ายอย่างมีเหตุมีแผล มีน้อยใช้น้อยไม่ฟุ่มเฟือย มีมากก็ต้องรู้จักเก็บออมเอาไว้ใช้ในยามจำเป็น และต้องรู้จักช่วยเหลือเกื้อกูลและแบ่งปันกัน ส่วนในระดับของการพัฒนาประเทศ ก็ควรใช้ซึ่งหลักการดังกล่าว พัฒนาอย่างเป็นขั้นเป็นตอนและมีคุณธรรม ซึ่งจะทำให้เกิดการพัฒนาที่มั่นคงยั่งยืน ใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง มีเหตุมีผลในการใช้จ่ายที่เหมาะสม หากทำได้เช่นนี้ก็จะสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับตนเองและประเทศชาติ

เศรษฐกิจพอเพียง มิได้หมายความว่า ต้องทำกิน ทำใช้ ทำเองไปซะเสียทุกอย่าง อะไรที่ทำได้เองก็ทำ อะไรทำไม่ได้ก็ให้คนอื่นทำ แต่จะต้องมีการบริการจัดการที่ดี เริ่มจากการพึ่งตนเองในระดับครอบครัวและไปสู่ชุมชนเครือข่าย ทำงานเป็นองค์กรชุมชม เป็นสหกรณ์ และไปสู่เศรษฐกิจพอเพียงระดับชาติ จากเศรษฐกิจพื้นบ้านไปสู่เศรษฐกิจแบบก้าวหน้า ทำธุรกิจการค้าอยู่ในโลกที่มีการแข่งขันได้อย่างมั่นคง

เศรษฐกิจพอเพียงไม่ใช่การถอยหลังกลับไปอยู่ในยุคโบราณ ไม่ใช่การที่ผู้คนต้องหากินอยู่กับธรรมชาติเหมือนแต่ก่อน ไม่มีการสะสม ซึ่งมันเป็นไม่ได้อยู่แล้วในปัจจุบัน เพราะสังคมได้เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตอย่างสิ้นเชิงและอีกอย่างทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ ก็หมดไป ไม่มีเหมือนในอดีต มนุษย์ก็มีมากขึ้น ดังนั้นมันจึงไม่มีทางเป็นไปได้ว่า จะใช้ชีวิตอยู่เหมือนกับยุคโบราณ ดังนั้นเศรษฐกิจพอเพียงจึงไม่ใช่เรื่องของการถอยหลังสู่ยุคโบราณ แต่เศรษฐกิจพอเพียง คือ การสืบทอดคุณค่าของอดีต ที่มนุษย์สามารถจัดการชีวิตและพึ่งพาตนเองได้ มิใช่เอาแต่พึ่งพาสิ่งอื่นอยู่ตลอด เหมือนอย่างกับที่มนุษย์บางคนในปัจจุบันกำลังทำ

ที่มาhttp://gotensum.blogspot.com//2015/03/what-is-sufficient-economy.html

ซอฟต์แวร์

ซอฟแวร์
ซอฟต์แวร์ (Software) คือ โปรแกรมหรือชุดคำสั่ง ที่จะสั่งและควบคุมให้ฮาร์ดแวร็คอมพิวเตอร์ทำงาน เราไม่สามารถจับต้อง ซอฟต์แวร์ ได้โดยตรงเหมือนกับตัวฮาร์ดแวร์ เพราะซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมนี้จะถูกจัดเก็บอยู่ในสื่อ ที่ใช้ในการบันทึกข้อมูล เช่น แผ่นดิสก์ ซอฟต์แวร์ ที่มักติดตั้งไว้ในฮาร์ดดิสก์เพื่อทำงานทันที่ที่เปิดเครื่องคือ ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ สรุปแล้ว ซอฟต์แวร์ คือ โปรแกรมชุดคำสั่งไว้ควบคมคอมฯให้ทำงาน

ชนิดของซอฟต์แวร์

1.  ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software) คือโปรแกรมที่ใช้ในการควบคุมระบบการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งหมด เช่น การบูตเครื่อง การสำเนาข้อมูล การจัดการระบบของดิสก์ ชุดคำสั่งที่เขียนเป็นคำสั่งสำเร็จรูปโดยผู้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์ และมีมาพร้อมแล้วจากโรงงานผลิต การทำงานหรือการประมวลผลของซอฟต์แวร์เหล่านี้ขึ้นกับเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องระบบของซอฟต์แวร์เหล่านี้ออกแบบมาเพื่อการปฏิบัติควบคุม และมีความสามารถในการยืดหยุ่นการประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร์ แบ่งออกเป็น 4 ประเภทคือ
- โปรแกรมระบบปฏิบัติการ (Operating System) เป็นโปรแกรมที่ใช้ควบคุมและติดต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะการจัดการระบบของดิสก์ การบริหารหน่วยความจำของระบบ กล่าวโดยสรุปคือ หากจะทำงานใดงานหนึ่งโดยใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือในการทำงานแล้วจะต้องติดต่อกับซอฟต์แวร์ระบบก่อน ถ้าขาดซอฟต์แวร์ชนิดนี้จะทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ไม่สามารถทำงานได้ ตัวอย่างของซอฟต์แวร์ประเภทนี้ได้แก่ โปรแกรมระบบปฏิบัติการ DOS Unix Windows (เวอร์ชั่นต่าง ๆ เช่น 95 98 me 2000 NT) Sun OS/2 Warp Netware และ Linux
ซอฟแวร์
- ตัวแปลภาษาจาก Source Code ให้เป็น Object Code (แปลจากภาษาที่มนุษย์ใจให้เป็นภาษาที่เครื่องเข้าใจ เปรียบเสมือนล่ามแปลภาษา) เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการแปลภาษาแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ คอมไพเลอร์ (Compiler) และอินเตอร์พรีเตอร์ (Interpreter) คอมไพเลอร์จะแปลคำสั่งในโปรแกรมทั้งหมดก่อนแล้วทำการลิ้ง (Link) เพื่อให้ได้คำส่งที่เครื่องคอมพิวเตอร์เข้าใจ ส่วนอินเตอร์พีทเตอร์จะแปลทีละประโยคคำสั่งแล้วทำงานตามประโยคคำสั่งนั้น การจะเลือกใช้ตัวแปลภาษาแบบใดนั้นจะขึ้นอยู่กับภาษาที่ใช้ในการเขียนโปรแกรม เช่น ภาษาเบสิก (Basic) ภาษาปาสคาล (Pascal) ภาษาซี (C) ภาษาจาวา (Java) ภาษาโคบอล (Cobol) ภาษา SQL ภาษา HTML เป็นต้น
- ยูทิลิตี้โปรแกรม (Utility Program) คือ ซอฟต์แวร์เสริมช่วยให้เครื่องทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น ช่วยในการตรวจสอบดิสก์ ช่วยในการจัดเก็บข้อมูลในดิสก์ ช่วยสำเนาข้อมูล ช่วยซ่อมอาการชำรุดของดิสก์ ช่วยค้นหาและกำจัดไวรัส ฯลฯ เป็นต้น โปรแกรมในกลุ่มนี้ได้แก่โปรแกรม Norton WinZip Scan virus Sidekick Scandisk Screen Saver ฯลฯ เป็นต้น
- ติดตั้งและปรับปรุงระบบ (Diagonostic Program) เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการติดตั้งระบบเพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถติดต่อและใช้งานอุปกรณ์ต่า ๆ ที่นำมาติดตั้งระบบ ได้แก่ โปรแกรม Setup และ Driver ต่าง ๆ เช่น โปรแกรม Setup Windows Setup Microsoft Office โปรแกรม Driver Sound Driver CD-ROM Driver Printer Driver Scanner ฯลฯ เป็นต้น
2.  ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software) เป็นซอฟต์แวร์ที่ถูกจัดทำขึ้นเพื่อใช้งานเฉพาะด้านหรือเฉพาะองค์กรใดองค์กรหนึ่ง ซอฟต์แวร์ประเภทนี้มักสร้างขึ้นโดยบริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์ที่มีความชำนาญด้านนั้น ๆ โดยเฉพาะ หรือออกแบบและสร้างโดยบุคลากรในฝ่ายคอมพิวเตอร์ขององค์กรก็ได้ ต้องมีทีมงานในการดำเนินการวิเคราะห์และออกแบบระบบงานอย่างรอบคอบ เมื่อออบแบบระบบงานใหม่ได้แล้ว จึงลงมือสร้างโปรแกรมจนเสร็จ แล้วทำงการทดสอบโปรแกรมให้สามารถทำงานได้ถูกต้องแน่นอน จนสามารถทำงานได้จริง ตัวอย่างซอฟต์แวร์ประเภทนี้ได้แก่ ซอฟต์แวร์ด้านงานบุคลากร ซอฟต์แวร์ระบบงานบัญชี ซอฟต์แวร์ระบบสินค้าคงคลัง ซอฟต์แวร์ของการรถไฟ ซอฟต์แวร์ของธุรกิจธนาคาร ซอฟต์แวร์ของธุรกิจประกันภัย ซอฟต์แวร์ของการบินไทย ซอฟต์แวร์บริหารการศึกษาเป็นต้น
3.  โปรแกรมสำเร็จรูป (Package Software) คือ ซอฟต์แวร์ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ในสำนักงานทั่ว ๆ ไป สร้างโดยบริษัทที่มีความชำนาญในด้านนั้น ๆ โดยเฉพาะมีการปรับปรุงรุ่น (Version) ของซอฟต์แวร์ให้มีประสิทธภาพสูงขึ้นอยู่เสมอ สามารถแบ่งออกเป็นประเภท ตามลักษณะหน้าที่การทำงานได้ดังนี้คือ
- โปรแกรมประมวลผลคำ ใช้สำหรับพิมพ์เอกสารรายงานหรือสร้างตารางแบบต่าง ๆ
- โปรแกรมตารางงาน ใช้สำหรับคำนวณ สร้างกราฟ และจัดการด้านฐานข้อมูล
- โปรแกรมนำเสนอผลงาน ใช้ในการนำเสนอผลงานและนำเสนอข้อมูลในรูแปบบสไลด
- โปรแกรมจัดการฐานข้อมูล คือ โปรแกรมที่ทำหน้าที่ในการจัดการฐานข้อมูล
- โปรแกรมเว็บเพจ ใช้ในการเขียนเว็บเพจเพื่อใช้งานในเว็บไซต์ของอินเทอร์เน็ต
- โปรแกรมสื่อสารระยะไกล ใช้ในการติดต่อสื่อสารทางอินเตอร์เน็ต
- โปรแกรมเขียนแบบ ใช้ในการออกแบบและเขียนแบบด้านต่าง ๆ เช่น ชิ้นงาน อาคาร
- โปรแกรมการฟิกส์ ใช้ในการสร้างและจัดการรูปภาพในคอมพิวเตอร์
- โปรแกรมเพื่อความบันเทิง ได้แก่ เกมส์ ภาพยนต์และเสียงเพลงต่าง ๆ
สรุปแล้ว ซอฟต์แวร์ คือ โปรแกรมชุดคำสั่งไว้ควบคมคอมฯให้ทำงาน นั่นเองครับ

ที่มาhttp://www.dekdev.com//ซอฟต์แวร์-software-คืออะไร-2662012/